Raw Bay Area Lifestyle ขับ บิ๊กไบค์ ควรเลือกทำประกันมอเตอร์ไซค์ประเภทไหนดี

ขับ บิ๊กไบค์ ควรเลือกทำประกันมอเตอร์ไซค์ประเภทไหนดี

บิ๊กไบค์

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ขับขี่ บิ๊กไบค์ แล้วกำลังสงสัยว่าจะเลือกทำประกันมอเตอร์ไซค์ประเภทไหนถึงเรียกว่าดี วันนี้ Roojai ของเราเตรียมข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับประกันมอเตอร์ไซค์สำหรับผู้ที่ขับขี่ บิ๊กไบค์ รับรองว่าข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกทำประกันบิ๊กไบค์ที่เหมาะกับคุณได้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปดูพร้อมกันเลย  

ทำความรู้จักประกันสำหรับ Bigbike 

ประกันสำหรับ บิ๊กไบค์ คือการทำประกันคุ้มครองให้กับรถ บิ๊กไบค์ ของเรา รวมถึงคุณด้วย ซึ่งประกันสำหรับบิ๊กไบค์จะเป็นการคุ้มครองตัวถังของ บิ๊กไบค์ เครื่องยนต์ของบิ๊กไบค์ แม้กระทั่งล้อบิ๊กไบค์ ทางประกัน็คุ้มครองเช่นกัน  

ทั้งนี้ประกันสำหรับ บิ๊กไบค์ จะไม่มีค่อยต่างจากประกันรถยนต์ทั่วไป หรือไม่ต่างจากประกันมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แต่ความต่างจะอยู่ที่เบี้ยประกันกับวงเงินประกันนั่นเอง ซึ่งประกัน บิ๊กไบค์ มีด้วยกันหลายประเภทดังนี้  

  • ประกันชั้น 1  

คุ้มครองผู้เอาประกันภัย และคู่กรณี คุ้มครองค่าเสียยหายต่อตัวบิ๊กไบค์ ค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองในเรื่องของบิ๊กไบค์สูญหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วมด้วย 

บิ๊กไบค์
  • ประกันชั้น 2  

คุ้มครองค่าเสียหายเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ส่วนบิ๊กไบค์ของผู้เอาประกันภัยนั้นจะได้รับความครองกรณีไฟไหม้ บิ๊กไบค์สูญหาย ค่ารักษาพยาบาลของคนขี่ และคนซ้อม สามารถเคลมกับทางบริษัทประกันได้ 

  • ประกันชั้น 3  

คุ้มครองเฉพาะค่าเสียหายของคู่กรณีเท่านั้น ส่วนตัวผู้เอาประกันภัยจะไม่ได้รับความคุ้มครองใด ๆ แต่ค่ารักษาพยาบาลของคนขี่ และคนซ้อม สามารถเคลมกับทางบริษัทประกันได้ 

และนี่ก็คือประเภทของประกันสำหรับบิ๊กไบค์ ที่คุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นคุณควรเลือกที่เหมาะกับรถบิ๊กไบค์ของคุณ รวมถึงการขับขี่บิ๊กไบค์ของคุณด้วย เพื่อให้ประกันบิ๊กไบค์คุ้มครองคุณได้อย่างเต็มที่ คุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่เราต้องจ่ายทุกปีนั่นเอง  

แล้วควรเลือกประกันแบบไหนถึงจะเหมาะสม 

ในแต่ละครั้งที่ซื้อบิ๊กไบค์ส่วนใหญ่จะบังคับทำประกัน บิ๊กไบค์ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าการขับบิ๊กไบค์มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป ด้วยความเร็ว เครื่องยนต์ ความสูงของบิ๊กไบค์ ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นการมีประกันบิ๊กไบค์สักอันก็ช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับคุณ  

ดังนั้นเราควรเลือกประกันบิ๊กไบค์ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ บิ๊กไบค์สูญหาย รวมถึงน้ำท่วม นอกจากนี้เราก็ควรดูรายละเอียดค่ารักษาพยาบาล ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก ซึ่งคุณสามารถเข้ามาดูรายละเอียดได้ที่ Roojai ของเราเลยค่ะ  

Related Post

วิธีแก้ลําไส้แปรปรวน

วิธีแก้ลําไส้แปรปรวน กับโรคที่มีผลกระทบชีวิตของคุณวิธีแก้ลําไส้แปรปรวน กับโรคที่มีผลกระทบชีวิตของคุณ

วิธีแก้ลําไส้แปรปรวน โรคลําไส้แปรปรวนหรือ ibs เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของลำไส้ส่วนปลายได้แก่ปลายลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กที่มีการบีบตัวมากเกินไปทำให้เกิดอาการปวดท้องแน่นท้องไม่สบายท้องมีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายท้องผูกหรือท้องเสียทำให้ผู้ที่มีอาการเกิดความรำคาญจากการใช้ชีวิตในประจำวัน ทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นการทรมานร่างกายของผู้ป่วยโรคนี้เป็นอย่างมาก และถ้าเกิดปล่อยเอาไว้เรื้อรัง อาจจะมีผลกระทบให้กลายเป็น โรคร้ายของมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย  วิธีที่จะช่วย วิธีแก้ลําไส้แปรปรวน อาการเบื้องต้น  สำหรับใครหลายคนที่มีอาการปวดท้องแน่นท้องอย่างต่อเนื่องถ้าอยากจะทราบว่าตนเองมีอาการของโรควิธีแก้ลําไส้แปรปรวน  หรือไม่ มีวิวิธีการสังเกตอาการดังต่อไปนี้  มีอาการปวดท้องน้อยอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วง 3 เดือนแรก มีอาการท้องผูกท้องเสีย  แน่นท้องท้องอืด  ปวดเกร็งบริเวณท้องน้อยหรือใต้สะดือลงไป  มีลมและแก๊สในท้องเป็นจำนวนมาก  เมื่อขับถ่ายแล้วอาการปวดจะหายในทันที  และในส่วนของปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้เพียงสาเหตุภาวะลำไส้แปรปรวนอย่างแน่ชัดแต่พบว่ามีปัจจัยร่วมที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดได้แก่  การปรับตัวของลำไส้ผิดปกติ  ระบบของทางเดินอาหารที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่า ปัญหาทางด้านจิตใจและอารมณ์ การใช้ยาบางชนิด 

ชิปปิ้งจีน

วิธีการคำนวณชิปปิ้งจากจีนควรคำนวณอย่างไรวิธีการคำนวณชิปปิ้งจากจีนควรคำนวณอย่างไร

-ถือเป็นเรื่องน่าปวดหัวขอใครเลยหลายคนเพราะว่าหลายคนนั้นอาจจะเป็นคนที่ไม่ชอบตัวเลข หรืออาจจะไม่เข้าใจวิธีการคำนวนของมันทำให้กลายเป็นเรื่องยากแต่แท้จริงแล้ววิธีการคำนวนชิปปิ้งนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่ายถ้าเกิดเรารู้หลักการของการคำนวนวันนี้เราจะพาไปดูวิธีการคำนวนชิปปิ้งจีนคนคำนวนอย่างไรจะเป็นอย่างไรบ้างไปลองดูกันได้เลย การคำนวณ -โดยปกติแล้วชิปปิ้งจีนจะทำการคำนวณสองแบบหลักๆเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งของสินค้าของเราโดยชิปปิ้งจีนนั้นจะเลือกคำนวณทั้งสองแบบจากนั้นชิปปิ้งจีนก็จะเลือกราคาที่แพงระหว่างสองแบบนี้มาเป็นค่าขนส่งเราโดยชิปปิ้งจีนนั้นจะมีการคำนวณแบบแรกก็คือคิดจากน้ำหนักสินค้าของเราส่วนอีกแบบนึงคือการคิดแบบเป็นลูกบาศก์เมตรซึ่งหลายหลายคนอาจจะคุ้นชินกับการคำนวณแบบน้ำหนักเพราะว่าเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปแม้แต่ในการจัดส่งแบบบ้านเราก็นิยมใช้การคำนวณแบบน้ำหนักเพราะเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เรื่องยากแค่นำน้ำหนักเอามาช่างจากนั้นคูณกับราคากลางที่ละบริษัทนั้นได้ตั้งไว้ ซึ่งแต่ละที่นั้นก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไปยกตัวอย่างเช่นชิปปิ้งบริษัทหนึ่งได้ทำการมีเรทราคาการส่งตามน้ำหนักโดย 15 กิโลกรัมจะมีค่าขนส่งอยู่ที่ 2000 บาทเท่ากับว่าถ้าเกิดสินค้าเราถึง 15 กิโลกรัมก็จะมีราคาค่าขนส่งอยู่ที่ 2000 บาทแต่การคำนวนอีกแบบนึงนั้นเป็นการคำนวณที่ยากเลยเข้าใจได้ยากมากๆถ้าเกิดเราไม่ได้ศึกษาดีดีก่อนเพราะการคำนวณแบบลูกบากเมตรนั้นจะมีตัวย่อว่าคิวหรือถ้าเกิดพูดตามภาษาปาก ก็คือการคำนวณแบบคิวซึ่งอาจจะทำให้เราสับสนก็ได้เพราะจริงๆแล้วมันคือการคำนวณแบบลูกบาศก์เมตรโดยวิธีการคำนวณแบบลูกบาศก์เมตรก็คือจะมีการวัดขนาดกล่องก่อนโดยจะวัดขนาดกล่องทั้งสามด้านคือกว้างคูณยาวคูณสูงหารด้วย 1,000,000จะเท่ากับปริมาณคิวหลังจากนั้นจะนำปริมาณคิวไปเปรียบเทียบเรทราคาที่ได้ตั้งเอาไว้ นั่นเอง โดยเรานั้นสามารถหาดูราคาต่างๆได้ตามเว็บ โดยเว็บส่วนใหญ่เเล้วปกติจะมีใบราคาเเสดง จำนวนราคาไว้อยู่โดยส่วนใหญ่จะคิดแบบเป็นโลเช่น12โล2500 เราสามารถดูราคาเองได้เลย ทางที่เราเลือก -การคำนวณทั้งสองแบบนี้มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปแต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ทั้งหมดก็คือเราต้องมานั่งเทียบราคาของค่าขนส่งในแต่ละที่เพื่อเชื่อได้ให้เกิดความคุ้มค่าของเรามากที่สุดเพราะยิ่งต้นทุนน้อยเท่าไหร่เราก็ยิ่งขายได้ถูกเท่านั้นและทำให้ผู้คนต่างซื้อสินค้าของเรา

รถไฟฟ้า ราคา ถูก

ทำความรู้จักกับรถยนต์ EV (Electric Vehicle) หรือรถไฟฟ้าทำความรู้จักกับรถยนต์ EV (Electric Vehicle) หรือรถไฟฟ้า

       สำหรับโลกของเราที่ตกอยู่ในสภาวะโลกร้อน รถยนต์ไฟฟ้าคือคำตอบที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการลดมลภาวะของโลก เพราะไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดไอเสียและมลภาวะทางอากาศที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน ทำให้ปัจจุบันรถพลังงงานไฟฟ้ากำลังได้ความสนใจเป็นอย่างมากในหมู่ผู้ผลิตและพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ นอกจากในหมู่ผู้ผลิตแล้ว ในแวดวงผู้ใช้รถใช้ถนนก็ยังให้ความสนใจกับรถยนต์ รถประจำทาง รวมถึงรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยเช่นกัน           รถยนต์ EV (Electric Vehicle) หรือรถไฟฟ้า หรือรถพลังงานไฟฟ้า เกิดจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี จึงทำให้รถยนต์ชนิดนี้ใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยรถยนต์ไฟฟ้านี้จะมีองค์ประกอบหลักสำหรับการขับเคลื่อนคือ แบตเตอรี่ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า รถไฟฟ้าจะสามารถชาร์จไฟได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด